×
  • สำหรับผู้ลงโฆษณา
  • สำหรับเจ้าของเว็บไซต์
  • การพัฒนากลุ่มผู้เข้าชม
  • บริษัท
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • ข้อจำกัดความรับผิดของการรับรอง
  • ช่วยเหลือ
  • ผู้ลงโฆษณา
  • เจ้าของเว็บไซต์
  • รับการสนับสนุน
  • ร่วมงานกับเรา

support@yengo.com
เกี่ยวกับเรา ติดต่อเรา เงื่อนไขและข้อตกลง นโยบายความเป็นส่วนตัว ช่วยเหลือ ร่วมงานกับเรา
สำหรับผู้ลงโฆษณา สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ การพัฒนากลุ่มผู้เข้าชม
เข้าสู่ระบบ ลงทะเบียน
หน้าโฆษณาที่‘ใช่’ คือสูตรสำเร็จของงานออนไลน์
แคม เปญการประชาสัมพันธ์ที่ดีในงานออนไลน์นั้น นอกจาก งบประมาณก้อนใหญ่ที่คุณต้องทุ่มไปกับการโฆษณาแล้ว สิ่งที่คุณต้องการเช่นเดียวกัน คือหน้า โฆษณาปลายทางที่มีคุณภาพ

หน้าโฆษณาที่ ‘ใช่’ คือสูตรสำเร็จของงานออนไลน์

แคมเปญการประชาสัมพันธ์ที่ดีในงานออนไลน์นั้น นอกจากงบประมาณก้อนใหญ่ที่คุณต้องทุ่มไปกับการโฆษณาแล้ว สิ่งที่คุณต้องการเช่นเดียวกัน คือ หน้าโฆษณาปลายทางที่มีคุณภาพ หรือ Landing Page ที่ตอบโจทย์ ซึ่งเป็นเสมือน ‘จิ๊กซอร์ชิ้นสุดท้าย’ ที่คอยทำหน้าที่เชื่อมโยงการโฆษณาให้เกิดประสิทธิภาพและความสำเร็จของแคมเปญการประชาสัมพันธ์ให้มีประสิทธิผล โดยไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในหน้าเพจแรกเท่านั้น แต่อาจเป็นหน้าเพจไหนก็ได้ภายในเว็ปไซท์ของคุณ

แต่อะไรที่เรียกว่าหน้าโฆษณาที่ดี? อย่างไรจึงจะเรียกว่าได้ผล? วันนี้เราจะมาบอกเล่าเกี่ยวกับการออกแบบและโครงสร้างของเว็บไซต์ รวมถึงเรื่องต่างๆ ในแง่มุมทางด้านเทคนิค (โดยเฉพาะเรื่องความเร็วในการโหลดหน้าเพจ)

     1. ออกแบบดี มีชัยไปกว่าครึ่ง - หลักของการเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบของหน้าโฆษณา

จุดแรกที่ควรคำนึง คือ การสำรวจดูเว็ปไซท์ของคุณในส่วนต่างๆ ว่าองค์ประกอบโดยรวมของเว็บไซต์ ทั้งการวรรคตอนของข้อความ รูปภาพ หรือการใช้งานของแบบฟอร์มการลงทะเบียน เป็นไปตามจุดประสงค์ของคุณหรือไม่ ถ้าไม่! ก็ไม่เหมาะที่จะมีหน้าโฆษณาปลายทาง หรือ Landing Page เพราะถือเป็นส่วนที่ไร้ประโยชน์ต่อเว็ปไซท์ของคุณ

ตัวอย่างเช่น ในอดีตนั้น มันเป็นเรื่องปกติทั่วไปที่จะเผยแพร่ข่าวต่างๆ ของบริษัทบนหน้าหลักของเว็บไซต์องค์กร หลายคนคงจำได้ว่า เรามักจะเห็นข้อความบนหน้าแรกของเว็ปไซท์ในประชาสัมพันธ์องค์กร ที่แจ้งต่อผู้เข้าเยี่ยมชมว่า "ผู้พัฒนาเว็ปไซท์ที่ไว้ใจได้" ที่ประชาสัมพันธ์ว่ากลุ่มบริษัทได้ชนะการประมูลในการสร้างศูนย์ธุรกิจแห่งใหม่

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ข่าวประเภทนี้จะเป็นประโยชน์ และจะเป็นที่น่าสนใจแน่นอน แต่มันควรจะถูกนำไปไว้ยังแพลตฟอร์ม ที่แยกไว้ให้เป็นข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง บางทีอาจจะดีกว่าหากจะใช้เป็นรูปภาพที่สามารถคลิ้กได้ไว้ให้เต็มพื้นที่ในหน้าแรก และให้มีตัวหนังสือที่น่าสนใจเพียงเล็กน้อยไว้แบ่งประภทเป็นเรื่องๆ รวมถึงการรีวิว หรือเรื่อง ‘เคล็ดลับน่ารู้’ ต่างๆ นั้นก็สามารถรวมไว้เป็นรูปแบบของข้อความ ซึ่งไม่ค่อยถูกนำไปไว้ในรูปแบบอื่น ๆ

การอัพเดทข้อมูลข่าวสารการโฆษณาเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบของข้อความบนหน้าเว็ปไซท์ถือเป็นเรื่องปกติ จริงๆ แล้วอาจจะเรียกได้ว่าจำเป็นเลยทีเดียว แต่สิ่งที่ควรทำเป็นประจำยิ่งกว่านั้น คือ ควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัท หรือ จุดมุ่งหมายทางธุรกิจ เพราะการดำเนินการต่างๆ บนเว็ปไซท์นั้นต้องคิดอย่างรอบคอบก่อนที่จะให้ข้อมูลเหล่านี้ไปอยู่บนพื้นที่ในหน้าโฆษณาอันมีค่าของคุณ ควรคำนึงว่า กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจที่จะอ่านหรือได้รับประโยชน์หรือไม่? และมันควรจะเป็นสิ่งแรกที่ผู้เข้าชมเว็ปไซท์ควรได้เห็นหรือเปล่า?

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทไมโครซอฟท์ได้มีการยกเครื่องปรับปรุงเว็ปไซท์ครั้งใหญ่ทั้งหมด เพื่อก้าวไปอีกขั้นกับการรองรับการออกแบบใหม่ของ Window 8 โดยสามารถเข้าไปชมได้ที่เว็ปไซท์ Microsoft.com เมื่อเข้าไปในเว็ปไซท์แทนที่เราจะได้เห็นตัวหนังสือหลายสิบหน้านับพันตัวอักษร แต่กลับเปลี่ยนเป็นเน้นหน้าโฆษณาและป้ายแบนเนอร์ขนาดใหญ่ ที่ผ่านการออกแบบที่สวยงามและใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในการประชาสัมพันธ์ หรือการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ ด้วยการใส่แถบปุ่ม “Try right now” เล็กๆ ไว้ให้คลิ้กในแต่ละแบนเนอร์อีกด้วย

ที่สำคัญ การปรับโฉมใหม่ของแบรนด์ไมโครซอฟท์ (Rebranding) ด้วยการออกแบบที่เรียกว่า Metro-Style (ค้นหาลักษณะการออกแบบดังกล่าวได้จาก Google) ถูกนำมาประยุกต์ใช้แบบเหมาเข่งเพื่อเชื่อมโยงทั้งโครงสร้างของ Windows 8 และแอพพลิเคชั่นของไมโครซอฟท์ด้วย ทั้งระบบถูกจัดวางและออกแบบอย่างเป็นระเบียบ ด้วยรูปแบบสี่เหลี่ยมกริดและแถบบาร์ ซึ่งแน่นอนว่ายังมีบางจุดที่รูปแบบนี้อาจยังไม่เหมาะสมต่อการใช้งานได้ (ยกตัวอย่างเช่น Microsoft Office 2013) ด้วยปัญหานี้เอง ทีมไมโครซอฟท์จึงได้พยายามแก้ไขการเชื่อมโยงให้ราบรื่นทั้งระบบ เพื่อซ่อนองค์ประกอบในส่วนต่างๆ ที่ไม่มีความจำเป็นต่อการปรากฎบนหน้าเว็ปไซท์

แล้วทำไมมันจึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับไมโครซอฟท์ ที่จะต้องทุ่มงบไปกับการปรับโฉมแบรนด์ใหม่ (Rebranding) ในรูปแบบ Metro-Style? คำตอบก็คือ บริษัทไมโครซอฟท์มีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจยาก เป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน ง่ายถึงขนาดที่ผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้ทางด้านไอทีเลยก็ยังสามารถใช้งานได้ ง่ายถึงขนาดสามารถไปดาวน์โหลดซอฟแวร์ปลอดไวรัสและถูกกฎหมายในราคาเพียง 3 ดอลลาร์ได้เองจาก Window Store รวมถึงง่ายในการติดตั้งไว้บนแท็บเล็ต หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อสนุกไปกับการใช้งานที่ง่ายดายเมื่อสัมผัสหน้าจอ (Touch Screen)

ทำไมรูปแบบใหม่ของ Windows จึงดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด?

เรามาเริ่มต้นจากไอเดียของแถบบาร์กันก่อน โดยปุ่มแรกๆ ที่เราเห็น จะใช้ในการคลิกบ่อยมากกว่าการเชื่อมโยงไปยังลิงค์ต่างๆ เพราะเป็นสิ่งที่ผู้ชมเว็ปไซท์เห็นได้ชัดเจนมากกว่า ซึ่งเป็นความคิดเดียวกันกับการนำคอนเสปต์การสื่อสารด้วยภาพ แล้วนำมาออกแบบให้สวยงามและสร้างสรรค์ เพราะสามารถดึงดูดสายตาผู้อ่านที่เข้าชมเว็ปไซท์ได้ในทันที โดยที่ตัวหนังสือไม่สามารถทำได้

ต่อจากนั้นเราจึงคิดเรื่องการจัดวางข้อมูล สิ่งที่สำคัญที่สุดมักจะอยู่บนสุดเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้แถบเลื่อน

โดยจะสังเกตเห็น หัวเรื่องหลักและหัวเรื่องย่อยต่างๆ ทั่วทั้งหน้าเพจ ซึ่งเรื่องต่างๆ เกือบทั้งหมดล้วนแล้วแต่กระตุ้นให้เกิดการ "อยากรู้อยากเห็น เช่น "ลองโทรแบบวิดีโอเป็นกลุ่มวันนี้ ฟรี 1 เดือน” และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีแถบปุ่มต่างๆ ที่คุณอาจคุ้นตาปรากฎอยู่ เช่น ปุ่ม "Like", "Tweet", "Share" วางเรียงอยู่เหนือข้อความเหล่านี้ เพื่อง่ายต่อการให้ผู้ที่เข้ามาชมเว็ปไซท์เชื่อมต่อสู่โลกของโซเชียล

แน่นอนว่ารูปแบบการทำงานของบริษัทหนึ่ง อาจไม่เหมาะกับอีกบริษัทหนึ่ง และการสร้างเว็บไซต์เหมือนอย่าง Microsoft ก็ไม่ได้รับประกันว่า คุณจะได้รับการเลื่อนชั้นให้อยู่ในระดับเดียวกับบิลล์เกต แต่มันเป็นการสังเกตุการณ์ที่ควรทำในการศึกษาเว็ปไซท์ของบริษัทชั้นนำ หรือเว็ปไซท์ที่เป็นคู่แข่งทางการค้าของคุณ

     2. ลองมาดูทางด้านเทคนิคกันซักนิด

ถ้าหน้าเพจต่างๆ แสดงผลช้า หรือผู้เข้าชมถูกบังคับให้กรอกข้อมูลจำนวนมากเกินไป ก่อนที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมหรือโปรโมชั่นต่างๆ ผู้ชมเว็ปไซท์อาจจะกล้าๆ กลัวๆ แล้วออกจากหน้าเพจไปดื้อๆ ได้ง่ายๆ ไม่ว่าการออกแบบจะสวยหรูอลังการสักแค่ไหนก็ตาม ดังนั้น คุณควรเริ่มต้นสำรวจแต่ละเว็ปเพจของคุณว่ามีอะไรที่ทำให้ลูกค้าดีๆ หนีหายหรือไม่?

โดยเริ่มต้นจากการใช้ตัววิเคราะห์ความเร็วในการโหลด (Goggles) ซึ่งจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเร็วในการโหลดหน้าเพจของคุณ และยังบอกวิธีการที่คุณจะสามารถเพิ่มความเร็วในการโหลดเพิ่มขึ้นอีกด้วย

‘ง่ายเข้าไว้และไม่ซับซ้อน!’ เพื่อให้ผู้เข้าชมเว็ปไซท์ง่ายต่อการสมัครลงทะเบียน/การเข้าสู่ระบบ การซื้อสินค้า หรือการรับเพิ่มการเป็นสมาชิกในโซเชียล

อีกสิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้ คือ ระบบ SEO ซึ่งเป็นเครื่องมือในการค้นหาคำสำคัญของ "ชื่อ" และ "คำอธิบาย" ที่ลิงค์ไปยังหน้าเว็บเพจของคุณ โดยคำสำคัญต่างๆ นี้ จะแสดงเป็นตัวหนาบนหน้าการแสดงผล โดยประโยคหรือคำสำคัญที่เป็นตัวหนานี้ ‘จะโดดเด่นและเตะตา’ ผู้เข้าชม ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มจำนวนการคลิ้กนั่นเอง

ที่เหลือ!...ก็เป็นเรื่องของเทคนิคเฉพาะตัวของคุณ

nofoto อัลเลฮันโดร โดมิงกัวซ์บาร์เย เอเชียผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด
สิ่งที่พิมพ์ล่าสุด
จ่ายตามแอคชั่นที่ได้ ไม่ใช่จากจำนวนการคลิก! ตัวเลือกการจัดกลุ่มโฆษณาใหม่ เพิ่มผลกำไรให้ Widget ของคุณ! เครื่องมือสำหรับคำนวณการเคลื่อนไหวของเป้าหมายด้วยทราฟฟิกของ Yengo โพสต์เพิ่มเติม
  1. บริษัท

    เกี่ยวกับเรา

    ติดต่อเรา

    ร่วมงานกับเรา

  2. Policy

    ข้อกำหนดและเงื่อนไข

    นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ข้อจำกัดความรับผิดของการรับรอง

    Ad Policy (pdf)

  3. ช่วยเหลือ

    ผู้ลงโฆษณา

    เจ้าของเว็บไซต์

    รับการสนับสนุน

support@yengo.com

ปิด